วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สโนไวทื

หลายคนหลงรักสโนไวท์เพราะเธอเป็นตัวแทนแห่งความอ่อนหวาน ความนิ่มนวลและความดีงาม บุคลิกลักษณะที่อ่อนหวานมีสเน่ห์ใจดี พูดจาไพเราะโรแมนติก และช่างดูแลเอาใจใส่ผู้อื่นอยู่เสมอนี้เอง ทำให้เธอชนะใจคนคนอ่านทั่วโลกมาตลอดตราบนานเท่านาน.... เรื่องมันเกิดขึ้นมาในกาลครั้งหนึ่ง ซึ่งในที่นั้นได้มีพระราชา และพระราชินีผู้ครองนครที่ยิ่งใหญ่ และสวยงามมากแห่งหนึ่ง.... วันหนึ่งพระราชินีทรงนั่งเย็บผ้าและทอดพระเนตรหิมะสีขาวอันบริสุทธิที่ตก พร่างพรายอยู่ที่เฉลียงหน้าต่างของปราสาทอย่างทรงพึงพอพระทัยในความงดงาม พลันเข็มที่พระองค์ใช้เย็บผ้าอยู่นั้น ได้แทงถูกนิ้วของพระนาง จนเลือดสีแดงสดหยดลงไปบนหิมะสีขาวที่เกาะอยู่ที่ขอบหน้าต่างเป็นทางยาว พระองค์ทรงพอพระทัยกับภาพที่ได้ทรงมองเห็น จนพระองค์ทรงอดที่จะรำพึงออกมาเสีย มิได้ว่า " ถ้าฉันยังมีบุญหลงเหลืออยู่... แล้วละก็...ฉันอยากได้ลูกสาวที่มีผิวขาวสะอาดดังหิมะขาวที่กำลังตกอยู่นี่ ริมฝีปาก ก็ขอให้มีสีแดงสดเหมือนดังชาดแต้ม เรือนผมนั้นหรือก็ขอให้มีสีที่ดำขลับ สลวยเหมือนเส้นไหม..ได้โปรดเถิดพระผู้เป็นเจ้า..
.."
หลังจากนั้นต่อมาไม่นาน พระราชินีก็ทรงให้กำเนิดพระธิดาขึ้นมาจริง ๆ สมตามความปรารถนา และคำอธิฐานของพระองค์ ด้วยพระธิดาองค์น้อย นั้นช่างสวยงามน่ารัก มีผิวที่ขาวดังเกร็ดหิมะ ริมฝีปากนั้นหรือก็มี สีแดงดังเอาชาดแต้มเอาไว้ไม่มีผิด เรือนผมก็สลวยสีดำขลับเป็น มันเหมือนเส้นไหม ทั้งสองพระองค์ทรงปิติยินดีและทรงถนอม กล่อมเกลี้ยง เลี้ยงดูพระธิดาองค์น้อยนี้อย่างดีที่สุดเท่าที่พระองค์ทั้งสองจะทรงทำได้ แต่แล้วความสุขที่ได้เกิดขึ้นนี้ ก็ดูเหมือนจะดำเนินต่อไปได้ไม่นาน เพราะพระราชินี ทรงประชวรด้วยโรคร้ายอย่างกระทันหัน และทรงสิ้นพระชนลงไป
ในเวลาไม่นานหลังจากนั้น..... .
ครั้งแรก พระราชาตั้งใจว่า เมื่อสิ้นพระราชินีคู่ใจคู่บัลลังก์ไปเสียแล้ว พระองค์จะไม่ทรง อภิเษกสมรสใหม่อย่างแน่นอน แต่นานวันเข้า ความเหงาบวกกับพระองค์ต้องการให้พระธิดาองค์น้อย ของพระองค์ ผู้มีนามว่า สโนไวท์ ได้มีพระมารดาเลี้ยงเพื่อช่วยพระองค์ดูแลอบรมสั่งสอน พระองค์จึงตัดสินใจอภิเษกสมรสกับหญิงสาวแสนสวยนางหนึ่ง ซึ่งแท้ที่จริง แล้วนางเป็นแม่มดที่ใจร้าย ที่ได้แอบปลอมตัวมา เพราะนางต้องการที่จะครอบครองเมือง ที่สวยงามแห่งนี้เอาไว้เป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว

นางแม่มดผู้นี้มีนิสัยเสียอยู่อย่างหนึ่งคือเป็นผู้ที่หลงไหลในความงามของตนเอง อย่างไม่ลืมหูลืมตา นางจะมีกระจกวิเศษที่นางมักจะไปแอบส่องเพื่อชื่นชม ความงดงามของตัวนางเองอยู่เสมอๆ โดยนางจะตั้งคำถามกับกระจกวิเศษบาน นั้นว่า" โอ...กระจกวิเศษ บอกข้า เถิด ใครงามเลิศในปฐพี " และในทุกครั้ง กระจกวิเศษก็จะตอบว่า " ผู้งามเลิศในปฐพีนี้ก็เห็นมีเพียง ท่านคนเดียว " และ คำตอบก็จะเป็นดังเช่นนี้เรื่อยมา นำความพึงพอใจมาให้นางแม่มด เป็นยิ่งนัก..
..
จวบจนเจ้าหญิงสโนไวท์เจริญเติบโต จนเป็นสาวสะคราญร่างอรชร ใบหน้าหวานละมุน ดวงตากลมโต ริมฝีปากสีสดดังอย่างกับทาชาด แต้มไว้ก็ไม่ปาน เรือนผมนั้นหรือก็เป็นมันเงางามยาวสลวย และตั้งแต่ บัดนั้นเป็นต้นมาคำตอบในกระจกก็เริ่มเปลี่ยนไป" โอ...กระจก วิเศษ บอกข้าเถิด ใครงามเลิศในปฐพี " กระจกวิเศษนิ่งเหมือนสำรวจความ งามของหญิงในทั่วหล้า ก่อนที่จะตอบนางแม่มดว่า " โอ... ผู้งามเลิศกว่าหญิง ใดในปฐพี ก็เห็นมีแต่สโนไวท์เพียงเท่านั้น " และเท่านั้นเอง....ความโกรธ และความเกลียด ที่สั่งสมมานมนานเปรียบตั้งแต่นางได้เข้ามาอยู่ในฐานะพระมารดาเลี้ยงก็ลุกโชนขึ้น คราวนี้มันถูกอาบเพิ่มขึ้นด้วยความอิจฉาริษยาในความงามของ พระธิดาสโนไวท์ จนสุดที่จะมีอะไรจะมาระงับมันไว้ได้เสียแล้ว
....
" อะไร..จะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไง ! มันงามเลิศเหนือข้าหรือนี่ ! " นางแม่มดให้เป็นคิดเคียด คิดแค้นในใจจนไม่เป็นที่จะทำอะไรเลยทีเดียว... ดังนั้น นางแม่มดจึงออกคำสั่งให้คนของตนปลอมตัวเป็น นายพรานป่า อาสาพาพระธิดาโฉมงามออกไปประพาสป่าแล้วให้จัดการฆ่าทิ้งเสีย "แล้วเอา หัวใจของมันมา ให้ข้าด้วย " นางแม่มดสั่งสับทับด้วยน้ำเสียงที่เหี้ยม เกรียมสยดสยองน่ากลัวมากเสียด้วย หากแต่...
นายพรานป่าผู้รับคำสั่งผู้นั้นยังมีคุณธรรมค้ำใจของเขาอยู่บ้าง เขาไม่ได้ฆ่าสโนไวท์เพราะเป็นด้วยความสงสาร และเขาคิดว่า " นางเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่มิอาจช่วยเหลือตัวเองได้ นางคงไม่มีความสามารถ ที่จะย้อนกลับเข้าไปในเมืองได้อีกหรอก " เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงปล่อยสโนไวท์ไป พร้อมทั้งกับได้บอกกำชับด้วยว่า " จงหนีไปให้ไกล ๆ นะ พระเจ้าข้า เพื่อชีวิตของพระองค์เอง " จากนั้นเขาจึงฆ่ากระต่ายป่าตัวหนึ่ง แล้วควักเอาหัวใจของมันไปให้นางแม่มดแทน

สโนไวท์เดินสะเปะสะปะอยู่ท่ามกลางป่าใหญ่ด้วยความหวาดหวั่น หวาดกลัวเพราะป่าแห่งนี้เต็มไป ด้วยสัตว์ร้ายนานาชนิด เพียงนางได้ยินเสียงชะนี ป่ากู่ร้องหาลูกหาผัวของมันเพียงเท่านั้น ร่างบาง ๆ ก็ไหวยะเยือก เพียงลมพัด กรูเกรียวก็คลับคล้ายลมหายใจของสัตว์ร้ายที่หมายจะขย้ำร่างปวกเปียกที่เดียว ดายอยู่กลางป่าอย่างน่าสงสารจับใจ แต่ถึงกระนั้นแม้ว่าจะกลัวจนสุดชีวิต แม้จะสงสารตัวเองมากสักเพียงใดก็ตาม สโนไวท์ก็แค่แต่น้ำตาซึมในโชคชะตา ของตนเองเท่านั้น เธอไม่หลั่งน้ำตาให้ความโชคร้ายครั้งนี้ ด้วยวิสัยของขัตติยานี ทำให้เธอต้องยืดพระวรกายให้ตั้งตรงแล้วเดินหน้าต่อไปสโนไวท์คิด ว่า " ชีวิตของฉัน จะไม่จบสิ้นลงง่าย ๆ ในป่านี้หรอกน่า
"
และก็ดูเหมือนว่าโชคของเธอยังจะดีอยู่มาก เมื่อเธอบังเอิญไปเจอ บ้านหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่งเข้า ทุกอย่างที่อยู่ในบ้านหลังนั้นดูเหมือน จะเล็กเกินไปสำหรับเธอเสียสิ้น ทั้งข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน ทั้งโต๊ะอาหารที่ทำจากไม้สักสวยงามกลางห้อง ทั้งเตียงเจ็ดหลัง ซึ่งตั้งเรียงกันอยู่ในส่วนของห้องนอน ก็ดูเล็กเกินกว่าที่เธอจะใช้นอนได้ เธอจึงตัดสินใจนำเตียงทั้งเจ็ดหลังมาต่อเรียงติดกันเป็นทางยาวแล้ว ล้มตัวลงนอนลงไปที่เตียงทั้งเจ็ดตัวนั้น ด้วยความเหนื่อยจากการเดิน ทางบวกกับความหิว ไม่นานสโนไวท์ก็ผลอยหลับไป

หน้า 1 หน้า 2 หน้า 3
รักเธอเท่าฟ้า...โดยสุขุมาลย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น